แพ๊ต เนวิน อ้างว่าลิเวอร์พูลอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากก่อนการแข่งขัน FA Cup รอบชิงชนะเลิศกับเชลซี

แพ็ต เนวินอดีตนักเตะของเชลซีเชื่อว่าความกดดันจะเกิดขึ้นกับลิเวอร์พูลสูงมาก เมื่อทั้งสองฝ่ายมีคิวเผชิญหน้ากันในศึกเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ และนี่ก็เป็นเพราะว่าหงส์แดงยังคงทำทุกเกมให้ดีที่สุดเพื่อคว้าแชมป์สี่รายการในฤดูกาลนี้

เนวินกล่าวว่าเกมระหว่างทั้งสองจะเป็นการต่อสู้ที่หงส์แดงจะมีความกดดันมากที่สุด อดีตแข้งวัย 58 ปีได้เขียนลงในคอลัมน์ของเขาบนเว็บไซต์ Chelsea “เรา (เชลซี) จะเป็นทีมที่ดูไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่เมื่อพิจารณาถึงฤดูกาลที่ลิเวอร์พูลทำได้ดีมากๆ ผมเชื่อว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่ทั้งสองเล่นกันอย่างสูสี เหตุผลหลักๆก็คือลิเวอร์พูลยังอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลเนื่องจากพวกเขายังคงมีแรงผลักดันท่ะคว้าแชมป์ให้ได้ในอีก 3 รายการที่เหลือ แต่สิ่งนี้จะนำความผ่อนคลายออกไปจากพวกเขา ผมเชื่อแน่นอนว่าพวกเขาจะกดดันมากไม่ว่าผู้เล่นหรือผู้จัดการทีมจะพูดอะไรก็ตาม” ทั้งนี้ เชลซีสามารถทะลุเข้าชิงเอฟเอ คัพเป็นครั้งที่สามติดต่อกันแล้ว

อย่างไรก็ตาม พวกเขาแพ้สองนัดในเกมชิงชนะเลิศกับอาร์เซนอลและเลสเตอร์ ซิตี้ และสำหรับนัดชิงนัดนี้เป็นนัดแรกที่ลิเวอร์พูลผ่านเข้าชิงเอฟเอคัพ ภายใต้การคุมทีมของเจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพล่าสุดของพวกเขาเกิดขึ้นเมื่อปี 2006 แต่ก่อนที่จะไปถึงเกมเอฟเอคัพนัดชิงชนะเลิศ ทั้งเชลซีและลิเวอร์พูลมีเกมพรีเมียร์ลีกให้ลงเตะ หงส์แดงจะพบกับแอสตัน วิลล่าของสตีเวน เจอร์ราร์ดในวันอังคารที่ 10 พฤษภาคม

ในขณะเดียวกัน ทีมของโธมัส ทูเคิ่ล จะเดินทางไปที่เอลแลนด์ โร้ด เพื่อพบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ในวันพุธ ที่11 พ.ค. ทีมของคล็อปป์จำเป็นต้องเก็บสามแต้มให้ได้เพื่อรักษาเส้นทางการเบียดแย่งตำแหน่งแชมป์ หลังจากเสมอกับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หงส์แดงตามหลังจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ถึง 3 แต้ม ทั้งเชลซีและลิเวอร์พูลได้เผชิญหน้ากันในรอบชิงชนะเลิศคาราบาวคัพเมื่อต้นปีนี้ หงส์แดงชนะในครั้งนั้นด้วยการยิงจุดโทษหลังจากเสมอ 0-0 หลังจากช่วงต่อเวลาพิเศษ

ผู้รักษาประตูสำรองของเชลซีอย่าง เกป้า อซาบาลาก้า ยิงจุดโทษไม่เข้าทำให้แชมป์คาราบาวตกเป็นของหงส์แดง สำหรับการที่เชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพเป็นครั้งสุดท้าย เป็นเกมที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันในรอบชิงชนะเลิศในปี 2012 ประตูจากรามิเรสและดิดิเยร์ ดร็อกบาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เชลซีจะคว้าแชมป์เอฟเอ คัพมาครองภายใต้การนำของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ

_____________________________________________________________

ติดตามข้อมูลฟุตบอล : ข่าวฟุตบอลล่าสุด

ไฮไลท์ฟุตบอล : ไฮไลท์ฟุตบอลย้อนหลัง

ข้อมูลเพิ่มเติม : เพิ่มเติม